05 ธันวาคม 2551

การเมืองกับอาหาร


เรื่อง .....การเมืองกับอาหาร
ลองดูความคิดของผมนะคับว่าจะถูกใจผู้อ่านมั่งหรือป่าว




เปรียบการเมืองเป็นอาหาร แต่ละพรรคการเมืองก็เป็นเหมือนร้านอาหาร ประชาชนก็น่าจะเป็นผู้บริโภค
คนเราก็รู้ๆกันอยู่ว่าคนเราหนะชอบหรือคิดอะไรไม่เหมือนกันคนนี้อาจจะชอบร้านนี้ คนนั้นอาจจะชอบร้านนั้น ต่อให้ชอบร้านเดียวกันก็เหอะ ก็อาจจะสั่งคนละเมนู จริงมะคับ
หรือแม้กระทั่ง ต่อให้สั่งเมนูเดียวกัน ก็อาจจะสั่งคนละรสชาติ




บางคนกินเผ็ค บางคนกินเปรี้ยว ถึงขึ้นขอมะนาวเพิ่มหลายๆ กลีบเลย หรือบางคนไม่กินเผ็ดเลย
คนกินเผ็ดเก่ง จะไปด่าคนกินเปรี้ยวเวอร์ ๆว่าไร้สาระ มันถูกหรือเปล่า?




ความคิดผมประมาณว่า เราไม่ควรกินรสใดรสหนึ่งจัดจนเกิดไป หวานจัด เปรี้ยวจัด เค็มจัด เผ็ดจัด ก็ล้วนแต่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ก็เปรียบเสมือนการเมืองเราก็ไม่ควรจะมองหรือแสดงความคิดเห็นเข้าข้างฝ่ายที่ของเรามากเกินไป เราควรจะเก็บเอาไว้ในใจดีกว่า แล้ว หันมองดูรสชาติอื่นๆด้วย ไม่แน่นะคับคุณอาจจะมีความเห็นเป็นของตนเองเลย ประมาณว่าเอาอาหารสองสามร้านมาคลุกรวมกันเลยทีเดียว


(เข้าใจหรือยังคนที่กินเปรี้ยวเวอร์ๆ )




มีอะไรให้อ่านเล่นคับ



ทายนิสัยจากรสชาติของอาหาร
> รสจืด เป็นคนหนักเอาเบาสู้งานมากงานน้อยข้าเจ้าไม่หวั่น ออกจะเป็นคนที่ว่านอนสอนง่ายใครว่าไงก็ว่าตาม พอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่มีแค่ไหนใช้แค่นั้น ไม่ค่อยขวนขวายหรือกระตือรือร้นจนเกินตัวอยู่ง่ายกินง่าย ส่วนลักษณะในการแต่งตัวก็ง่าย ๆ สบาย ๆ แต่ข้อเสียก็คือมักเป็นคนขี้ใจน้อย ขี้ สงสาร ใจอ่อน มักจะ โดนคนอื่นหรอกอยู่บ่อย ๆ



> รสหวาน เป็นคนใจบุญ สงสารคนอื่นเขาไปทั่ว อารมณ์ดีร่าเริงสดใสจนบ้างครั้งดูเหมือนเกิน ๆ ไปนิด ชอบกีฬา และโปรดปรานเสียงเพลงเป็นที่ซู้ด..ด..ด ส่วนทางด้านความรักจะเป็นคนที่รักง่ายหน่ายเร็ว หรือว่ากัน ซื่อ ๆ ก็เบื่อง่ายนั่นแหละ ถ้ารักใครก็รักจริงเหมือนกันนะ แต่ก็ขี้หึงเป็นบ้าเลย มักจะเป็นคนที่มีจิตใจโล เลเอาแน่เอานอนไม่ค่อยได้ ไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองแบบว่าเป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่อมั่นในตัวเองว่างั้นนะ และก็มักจะเป็นคนที่ช่างฝัน ถึงอย่างไรก็เป็นมิตรที่แสนดีกับผู้อื่น ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใครเขาหรอก



> รสเค็ม อย่างว่านะคนที่ชอบรสเค็มส่วนใหญ่ก็มักจะมีนิสัยเหมือนรสแหละ คือมักได้ ทำอะไรก็ได้ที่ลงทุนไปน้อย นิดหรือไม่ก็ไม่ต้องลงทุนเลยแต่ได้กลับมาเป็นสองเท่าอะไรทำนองนั้นน่ะ และก็จะเป็นคนที่ค่อนข้างควัก ยากมาก ใครที่ได้กินเงินกับคนที่ชอบรสเค็มนี้ถือว่าเป็นบุญเลยหละ ส่วนเรื่องของการแต่งตัวก็ชอบแต่ง ตัวปอน ๆ แต่จะเป็นคนที่ขยันทำงาน เก็บเงินเก่งจะเก็บไม่เก่งได้อย่างไรล่ะเล่นไม่ค่อยจ่ายอะไรเลย อย่างนี้ก็ต้องมีเก็บซิ ส่วนความรักจะเป็นคนที่รักใครแล้วจะเก็บไว้ในใจไม่ค่อยแสดงออก จึงชวดไป หลายรายเหมือนกัน เป็นคนที่รักความสงบไม่ชอบคบค้าสมาคมกับใคร ๆ นัก เพราะขี้เกียจปวดหัว



> รสเผ็ด ออกจะเป็นคนที่ค่อนข้างเฉียบขาด อารมณ์ฉุนเฉียวรุ่นแรง โกรธง่ายแต่หายเร็วนะ อีกอย่างนึงก็ปาก ร้ายใจดีนะ ส่วนข้อดีของคนที่ชอบรสเผ็ดก็มีหลาย คือ เป็นคนที่มีความฉลาดทันคน พูดจาตรงไปตรง มาคิดอย่างไรว่าอย่างนั้น จะเป็นคนที่มีความมานะอดทน และมีความเพียรพยามสูง เรียกว่าตั้งใจทำ อะไรถ้ายังไม่สำเร็จตามที่คิดไว้ก็จะทำให้เสร็จ และจะไม่ยอมแพ้ใครง่าย ๆ ถ้าฉันไม่ผิด ส่วนใหญ่จะ ออกไปทางรักอิสระ ไม่ชอบอยู่ใต้บังคับใคร ถ้าลองได้รักใครแล้วทุ้มสุดตัวเหมือนกันนะ





> รสเปรี้ยว จะเป็นคนที่ชอบคมค้าสมาคมกับคนทุกระดับ ออกจะไปทางสังคมจัดเรียกว่ามีงานสังสรรค์ที่ไหนต้องมี ฉันอยู่ที่นั่น ไม่พลาดเลยแม้แต่งานเดียว จะเป็นคนที่ช่างพูดช่างเจรจา ชอบวางตัวเด่นจนบ้างครั้งเกิน หน้าเกินตาคนอื่นเขา เลยทำให้คนอื่นเกิดความอิจฉาได้ ข้อดีที่เด่นชัดที่สุดของคนที่ชอบรสเปรี้ยวนี้จะ เป็นคนที่หาเงินเก่ง และก็ใช้เงินเก่งพอสมควรเลยแหละ ถึงอย่างไรก็ยังมีเหลือเก็บกับเขาเหมือนกัน ส่วนข้อเสียคือ ชอบทำงานหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน ก็เลยทำอะไรไม่ค่อยจะประสบความสำเร็จนัก และก็ ไม่ชอบที่จะทำงานที่ต้องออกแรงเยอะอีกด้วย




27 พฤศจิกายน 2551

if we hold on together เพลงจากการ์ตูน ที่สามารถสอนใจผู้ใหญ่ได้(ถ้าใช้ใจฟัง)

การ์ตูนเด็กสอนอะไรผู้ใหญ่บ้าง...

หลังจากก้าวผ่านชีวิตอนุบาลมาได้พักใหญ่ๆ การ์ตูนดีๆที่เคยได้รับความนิยมชมชอบก็ดูเหมือนจะเลือนหายตามๆกันไป และหนึ่งในนั้นคงไม่พ้นเรื่อง THE LAND BEFORE TIME ซึ่งทำเกิดเพลงIF WE HOLD ON TOGETHER ของ DIANA ROSS ที่โด่งดังเป็นพลุแตกขึ้นมา

แต่จะมีสักกี่คนที่หลังจากผ่านช่วงเวลานั้นมาโดยหันย้อนรอยกลับไปมองว่าในความสนุกสนานของการ์ตูนเรื่องนี้ได้สอดแทรกเนื้อหาของชีวิตไว้มากมาย กตัญญู มิตรภาพ ความมุ่งมั่น การสูญเสีย ความเข้มแข็ง
และบุคลิกของตัวละครแต่ละตัวที่ดิฉันภูมิใจจะเรียกพวกเขาว่า"เด็กๆ"ที่แตกต่างกันออกไป
ตัวแรกคือ LITTLE FOOT ที่มีความกระตือรือร้น ซื่อสัตย์ และอภัยแก่เพื่อนในทุกสถานการณ์ด้วยความกตัญญู เสียสละจนสามารถพาเพื่อนๆไปยังดินแดนแห่งใหม่และพบปู่กับย่าในที่สุด


ต่อมาคือ CERA สาวน้อยผู้มีความหวานเจี๊ยบแต่ก้มีพลังความตั้งใจที่แข็งแกร่งจนบางครั้งอาจจะมองว่าดื้อรั้น เพราะความมั่นใจในตัวเองของเธอ


ลำดับต่อมา DUCKY อีกหนึ่งสาวที่มองโลกในแง่บวก รักเพื่อน รักครอบครัวเป็นผู้ตามเสมอ บ่อยครั้งที่เธอมักจะพูดคำว่า ใช่ ใช่ ใช่ และ ไม่ ไม่ ไม่


ลำดับต่อไป PETRIE ไดโนเสาร์มีปีก ที่มีแต่ความขลาดกลัวและวิตกกังวลแม้กระทั่งการบินที่เป็นควมสามารถเฉพาะตัวของตนเอง แต่เมื่อได้รับกำลังใจจาดเพื่อนๆก็สามารถทำทุกอย่างได้ตามต้องการ

ต่อไปคือ SPIKE ยักษ์ใหญ่ผู้สุภาพที่ไม่ค่อยมีความเห็นอะไรนัก มักจะเงียบและเป็นผู้ตามและผู้ช่วยที่ดีเสมอ

และสุดท้าย CHOMPER แม้ว่าจะเป็นหนึ่งในไดโนเสาร์พันธุ์ที่ดุร้ายที่สุด แต่เมื่อได้มาอยู่กับเพื่อนที่มีจิตใจดี CHOMPER จึงเป็นเพื่อนี่ดีของทุกๆคน


เรื่องราวของเด็กๆเหล่านี้สะท้อนให้เห็นนิสัยของคนที่อยู่บนสังคมนี้ผู้ที่ไม่สามารถเลือกเกิดได้แต่เลือกที่จะเป็นได้ ผู้ที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนกับวันข้างหน้าที่ไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้น แต่ด้วยมิตรภาพ ความกตัญญู และแรงผลักดันต่างๆจึงทำให้เด็กๆสามารถร่วมมือ รวมพลังกันฝ่าฟันอุปสรรคไปได้ด้วยดี

ในฐานะที่เราเป็นผู้ใหญ่ทำไมเราจึงไม่ย้อนกลับมาดูตัวเอง พัฒนา และแก้ไขปัญหาต่างๆภายใต้ความเข้มแข็ง กตัญญูและมิตรภาพ ดิฉันเชื่อว่าหากเราใส่ใจกับรายละเอียดเล็กๆน้อยๆเหล่านี้แล้วปัญหาใหญ่ๆระดับชุมชน สังคม และประเทศย่อมคลี่คลายได้อย่างแน่นอน

หากเราไม่เริ่มที่ตัวเรา แล้ววันข้างหน้าจะกล้าสอนลูกสอนหลานได้อย่างไร หากเรายังไม่พัฒนาตัวเอง เราจะพัฒนาบ้านเมืองได้อย่างไร อย่างไรก็แล้วแต่ การเปลี่ยนแปลงคนอื่นย่อมยากกว่าการเปลี่ยนแปลงตนเองแน่นอน เพราะฉะนั้นอย่ามองหาข้อบกพร่องของผู้อื่น จงปฏิบัติตนให้ดีที่สุด เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่เราอยากให้เกิดขึ้นเพื่อธำรงค์สังคมย่อมต้องเริ่มที่ตัวเรา


แล้วคุณคิดว่าคุณลักษณะนิสัยเหมือนเด็กๆคนไหนคะ????


23 พฤศจิกายน 2551

แล้วมาต่อกันที่ความเห็นของฝ่ายหญิงกันบ้าง...



สวัสดียามเย็นค่ะ


ตอนนี้ชาวไทยหลายๆคนก็คงกำลังใจจดใจจ่อรอดูผลอันเนื่องมาจาก


แผนการปฎิบัติงานของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย


ที่ใช้เวลาในการชุมนุมมาเป็นระยะเวลายาวนานกว่า ๖ เดือน


พ่อแม่พี่น้องจากทั่วทุกสารทิศที่แห่แหนกันมา


แสดงเจตนารมณ์อันแข็งแกร่ง


และมีจุดยืนบนจุดเดียวกันคือ "ประชาธิปไตย"


แต่คงจะดีกว่านี้ถ้าการชุมนุม ไม่มีการนองเลือดหรือความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินใดๆเกิดขึ้น


.............


แม้ว่าเหตุการณ์ทางการเมืองจะรุนแรงมากขึ้นเพียงใด


สิ่งที่ควรตระหนักถึงเป็นสำคัญ


คือ สิทธิ และ หน้าที่


สิทธิ หมายถึงอำนาจหรือประโยชน์ที่กฎหมายให้ความคุ้มครอง


แต่ในบางครั้งเราอาจคำนึงแต่สิทธิของเรามากเกินไป


มากเกินกว่าที่จะทันมองเห็นสิทธิของผู้อื่นที่มีเท่าเทียมกับเรา


จึงเกิดเหตุการณ์ล่วงละเมิดสิทธินับร้อยนับพันครั้ง


แต่ก็ยังไร้วี่แววแห่งการพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น


หน้าที่ หมายถึงสิ่งที่ทุกคนจำเป็นต้องกระทำ และแต่ละคนอาจมีหน้าที่ที่ไม่เหมือนกัน


เป็นที่หน้าแปลกว่าทำไมคนเราถึงคำนึงแต่สิทธิ มากกว่าหน้าที่


ทั้งๆที่เป็นสิ่งที่มีบทกำหนดชัดเจนอยู่แล้วว่าจะต้องปฏิบัติ


อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


หากคนไทยทุกคน รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์


หากมีข้อผิดพลาดขึ้นจงมองที่ตนเองก่อนโทษผู้อื่น


เพราะทุกครั้งที่เราชี้นิ้วกล่าวหาผู้อื่น


๑ นิ้วชี้คือนิ้วที่ชี้โทษเขา


แต่อีก ๔ นิ้วที่กำอยู่ในมือมันหันกลับมาทางตัวเรา


นั่นแสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอาจจะอยากให้เรา


มองดูตัวเองก่อนที่จะโทษคนอื่น


....


นั่นแสดงว่าทุกๆอย่างอยู่ตัวเรา


ประชาธิปไตย การเมืองที่ใสสะอาด


อยู่ที่ว่าอีกสี่นิ้วที่เหลือเราชี้ใคร...







ยวน-ย่า-เหล






22 พฤศจิกายน 2551

การเมืองวันนี้...ในมุมมองเด็กๆ




เรียนท่านผู้มีอุปการะคุณทุกท่าน...

วันนี้ผมได้รับมอบหมายภาระสำคัญในการอัพบล๊อกครับ

การเมืองยุคหม้อข้าวหม้อแกงนี้ทำให้ผมมองอะไรๆออกเป็นหลายแง่มุมมากยิ่งขึ้น
เหตุผลสองประการที่ทำให้ผมมองโลกปัจจุบันได้ชัดเจนมากกว่าสมัยหน่อมแน๊ม

ประการแรกคงเป็นเพราะว่า ด้วยอายุที่มากขึ้นทุกๆวันของผมและเพื่อน ทำให้ผมตระหนักถึง
ความสำคัญของปัญหาการเมืองมากยิ่งขึ้น เพราะรู้สึกเมื่อก้าวสู่รั้วมหาวิทยาลัยแล้ว
พวกผมเลิกทะเลาะกันเรื่องของเล่น แต่ว่ามานั่ง

คำนึงถึงเรื่องปากท้องของตัวเองและครอบครัวในอนาคตเมื่อก้าวผ่านรั้วมหา'ลัย
มากขึ้น


ประการต่อมาก็อาจเป็นเพราะว่าการเมืองที่ถูกปฏิรูปครั้งแล้วครั้งเล่าจนทำให้ทุกอย่างดูเป็นเรื่องสับสนซับซ้อน
จนข่าวทุกช่องและสิ่งแวดล้อมรอบตัวมีแต่ประเด็นทางการเมืองชวนให้ทุกคนแม้กระทั่งผมต้องคิดตาม

คำว่าการเมืองยุคหม้อข้าวหม้อแกง...โดยนัยยะของผมมีความหมายดังนี้

การเมืองปัจจุบันบอกผมว่า ทำไมผู้ใหญ่ถึงยังมาเล่นเป็นเด็กๆขายของกันแบบนี้
อาจเป็นเพราะตอนเข้าอนุบาลสอบเข้าโรงเรียนไม่ติด...ก็ต้องใช้เส้นสายจนได้เรียนในโรงเรียนที่มีชื่อเสียง
จนกลายเป็นนิสัยที่ติดตัวมาจนเป็นผู้ใหญ่...เมื่อชื่อเสียง เงินทอง เข้ามามีบทบาทในชีวิตมากยิ่งขึ้น
กิเลสที่มีชื่อว่าความโลภเข้ามาครอบงำซ้ำอีก
..อยากเป็นใหญ่ อยากมีบทบาทบนเวทีโลก
เวทีสำคัญที่สามารถโชว์ออฟได้อย่างเต็มที่ คงหนีไม่พ้น...เวทีการเมือง คำว่าเล่นละครเวที เล่นลิเก เล่นดนตรี
ทุกอย่างก็อยู่บนเวทีทั้งนั้น แต่เป็นการให้ความสุขแก่มวลชน

แต่เวทีการเมืองนั้น...เป็นการเล่นบนชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน
ผมจึงอยากรู้ว่าถ้าเราสามารถเล่นการเมืองได้แบบเล่นหม้อข้าวหม้อแกง ใช้ใบไม้แทนเงินภาษีของราษฎร เวลามีปัญหาก็หนีเข้าบ้าน
นอนหลับ วันรุ่งขึ้นก็ออกมาเล่นกันใหม่แบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น
บ้านเมืองจะอยู่ในสภาพใด...แต่ยังโชคดี...ที่บ้านเมืองมีขื่อมีแป มีกฏหมาย(ถึงแม้จะไร้บทลงโทษที่แน่นอน) เราจึงสามารถมีชีวิตรอดไปวันๆแบบนี้ได้
เราอาจสรุปไม่ได้ถึงต้นตอที่ทำให้การเมืองเป็นแบบนี้เพราะใคร เพราะเราไม่รู้ว่าใครผิด ใครถูก เราไม่รู้ว่าเบื้องหลังมีความเป็นมายังไง...แต่การทำหน้าที่คนไทยอย่างสมบูรณ์ ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งอย่างโปร่งใส ไม่คอรัปชั่น(เป็นสิ่งที่ต้องปลูกฝังตั้งแต่ระดับครอบครัว) รับผิดชอบต่อหน้าที่ของคนไทยที่ทุกคนพูดถึงทุกวัน แต่ไม่มีใครเข้าถึงได้อย่างถ่องแท้ สิ่งที่เรียกร้องกันอยู่คือประชาธิปไตย...ที่อยู่ในมือของทุกคนแล้ว เพียงแต่เราไม่เคยเหลือบไปเห็น ถ้าทุกคนหันกลับมามองสิ่งใกล้ตัวตั้งแต่ผู้ที่(คิดว่าตัวเอง)ใหญ่โตค้ำฟ้า จนถึงคนระดับรากหญ้า...ประเทศชาติต้องสมบูรณ์แน่นอน...



ทำไมเราไม่ซื้อเสียงโดยนโยบาย
ทำไมเราไม่ขายเสียงเพื่อประเทศชาติ
ทำไมเราไม่พร้อมใจกันทำแต่สิ่งดีงาม
...เงินทองเพียงพอแล้วหรือ สำหรับขวานทองขวานไทยของเรา




หากมีเงิน แต่สิ้นชาติ ก็สิ้นชีพ
เราจงรีบ แก้ไข ตามวิธี
บนครรลอง ครองทำ ถูกวิธี
จงทำดี เพื่อพ่อ ขอพอเพียง


by...1007 198

20 พฤศจิกายน 2551

สัมภาษณ์แนวคิดของผู้มีประสบการณ์ทางการเมืองต่อสังคมไทยในปัจจุบัน...ที่เราทุกคนควรเรียนรู้และวิเคราะห์!!!!

นายโสภณ เพชรสว่าง
ประธานกลุ่มพิทักษ์เมืองบุรีรัมย์
อดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย จ.บุรีรัมย์








ส.ส.สามารถ แก้วมีชัย
รองประธานสภาคนที่ ๑
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดเชียงราย เขต ๑







ดร.พีรพันธุ์ พาลุสุข

สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดยโสธร








ผศ.ดร.ผุสดี ตามไท
กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสัดส่วน กลุ่ม๖

อดีตที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร







รศ.ประณต นันทิยะกุล
ประธานชมรมสมาชิกสภาคณาจารย์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย









ร่วมวิเคราะห์และติดตามแนวคิดของผู้ที่มีประสบการณ์ทางการเมืองต่อสภาพการเมืองไทยในปัจจุบันเหล่านี้ได้
ที่นี่
เร็วๆนี้
หมึกซึม