05 ธันวาคม 2551

การเมืองกับอาหาร


เรื่อง .....การเมืองกับอาหาร
ลองดูความคิดของผมนะคับว่าจะถูกใจผู้อ่านมั่งหรือป่าว




เปรียบการเมืองเป็นอาหาร แต่ละพรรคการเมืองก็เป็นเหมือนร้านอาหาร ประชาชนก็น่าจะเป็นผู้บริโภค
คนเราก็รู้ๆกันอยู่ว่าคนเราหนะชอบหรือคิดอะไรไม่เหมือนกันคนนี้อาจจะชอบร้านนี้ คนนั้นอาจจะชอบร้านนั้น ต่อให้ชอบร้านเดียวกันก็เหอะ ก็อาจจะสั่งคนละเมนู จริงมะคับ
หรือแม้กระทั่ง ต่อให้สั่งเมนูเดียวกัน ก็อาจจะสั่งคนละรสชาติ




บางคนกินเผ็ค บางคนกินเปรี้ยว ถึงขึ้นขอมะนาวเพิ่มหลายๆ กลีบเลย หรือบางคนไม่กินเผ็ดเลย
คนกินเผ็ดเก่ง จะไปด่าคนกินเปรี้ยวเวอร์ ๆว่าไร้สาระ มันถูกหรือเปล่า?




ความคิดผมประมาณว่า เราไม่ควรกินรสใดรสหนึ่งจัดจนเกิดไป หวานจัด เปรี้ยวจัด เค็มจัด เผ็ดจัด ก็ล้วนแต่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ก็เปรียบเสมือนการเมืองเราก็ไม่ควรจะมองหรือแสดงความคิดเห็นเข้าข้างฝ่ายที่ของเรามากเกินไป เราควรจะเก็บเอาไว้ในใจดีกว่า แล้ว หันมองดูรสชาติอื่นๆด้วย ไม่แน่นะคับคุณอาจจะมีความเห็นเป็นของตนเองเลย ประมาณว่าเอาอาหารสองสามร้านมาคลุกรวมกันเลยทีเดียว


(เข้าใจหรือยังคนที่กินเปรี้ยวเวอร์ๆ )




มีอะไรให้อ่านเล่นคับ



ทายนิสัยจากรสชาติของอาหาร
> รสจืด เป็นคนหนักเอาเบาสู้งานมากงานน้อยข้าเจ้าไม่หวั่น ออกจะเป็นคนที่ว่านอนสอนง่ายใครว่าไงก็ว่าตาม พอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่มีแค่ไหนใช้แค่นั้น ไม่ค่อยขวนขวายหรือกระตือรือร้นจนเกินตัวอยู่ง่ายกินง่าย ส่วนลักษณะในการแต่งตัวก็ง่าย ๆ สบาย ๆ แต่ข้อเสียก็คือมักเป็นคนขี้ใจน้อย ขี้ สงสาร ใจอ่อน มักจะ โดนคนอื่นหรอกอยู่บ่อย ๆ



> รสหวาน เป็นคนใจบุญ สงสารคนอื่นเขาไปทั่ว อารมณ์ดีร่าเริงสดใสจนบ้างครั้งดูเหมือนเกิน ๆ ไปนิด ชอบกีฬา และโปรดปรานเสียงเพลงเป็นที่ซู้ด..ด..ด ส่วนทางด้านความรักจะเป็นคนที่รักง่ายหน่ายเร็ว หรือว่ากัน ซื่อ ๆ ก็เบื่อง่ายนั่นแหละ ถ้ารักใครก็รักจริงเหมือนกันนะ แต่ก็ขี้หึงเป็นบ้าเลย มักจะเป็นคนที่มีจิตใจโล เลเอาแน่เอานอนไม่ค่อยได้ ไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองแบบว่าเป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่อมั่นในตัวเองว่างั้นนะ และก็มักจะเป็นคนที่ช่างฝัน ถึงอย่างไรก็เป็นมิตรที่แสนดีกับผู้อื่น ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใครเขาหรอก



> รสเค็ม อย่างว่านะคนที่ชอบรสเค็มส่วนใหญ่ก็มักจะมีนิสัยเหมือนรสแหละ คือมักได้ ทำอะไรก็ได้ที่ลงทุนไปน้อย นิดหรือไม่ก็ไม่ต้องลงทุนเลยแต่ได้กลับมาเป็นสองเท่าอะไรทำนองนั้นน่ะ และก็จะเป็นคนที่ค่อนข้างควัก ยากมาก ใครที่ได้กินเงินกับคนที่ชอบรสเค็มนี้ถือว่าเป็นบุญเลยหละ ส่วนเรื่องของการแต่งตัวก็ชอบแต่ง ตัวปอน ๆ แต่จะเป็นคนที่ขยันทำงาน เก็บเงินเก่งจะเก็บไม่เก่งได้อย่างไรล่ะเล่นไม่ค่อยจ่ายอะไรเลย อย่างนี้ก็ต้องมีเก็บซิ ส่วนความรักจะเป็นคนที่รักใครแล้วจะเก็บไว้ในใจไม่ค่อยแสดงออก จึงชวดไป หลายรายเหมือนกัน เป็นคนที่รักความสงบไม่ชอบคบค้าสมาคมกับใคร ๆ นัก เพราะขี้เกียจปวดหัว



> รสเผ็ด ออกจะเป็นคนที่ค่อนข้างเฉียบขาด อารมณ์ฉุนเฉียวรุ่นแรง โกรธง่ายแต่หายเร็วนะ อีกอย่างนึงก็ปาก ร้ายใจดีนะ ส่วนข้อดีของคนที่ชอบรสเผ็ดก็มีหลาย คือ เป็นคนที่มีความฉลาดทันคน พูดจาตรงไปตรง มาคิดอย่างไรว่าอย่างนั้น จะเป็นคนที่มีความมานะอดทน และมีความเพียรพยามสูง เรียกว่าตั้งใจทำ อะไรถ้ายังไม่สำเร็จตามที่คิดไว้ก็จะทำให้เสร็จ และจะไม่ยอมแพ้ใครง่าย ๆ ถ้าฉันไม่ผิด ส่วนใหญ่จะ ออกไปทางรักอิสระ ไม่ชอบอยู่ใต้บังคับใคร ถ้าลองได้รักใครแล้วทุ้มสุดตัวเหมือนกันนะ





> รสเปรี้ยว จะเป็นคนที่ชอบคมค้าสมาคมกับคนทุกระดับ ออกจะไปทางสังคมจัดเรียกว่ามีงานสังสรรค์ที่ไหนต้องมี ฉันอยู่ที่นั่น ไม่พลาดเลยแม้แต่งานเดียว จะเป็นคนที่ช่างพูดช่างเจรจา ชอบวางตัวเด่นจนบ้างครั้งเกิน หน้าเกินตาคนอื่นเขา เลยทำให้คนอื่นเกิดความอิจฉาได้ ข้อดีที่เด่นชัดที่สุดของคนที่ชอบรสเปรี้ยวนี้จะ เป็นคนที่หาเงินเก่ง และก็ใช้เงินเก่งพอสมควรเลยแหละ ถึงอย่างไรก็ยังมีเหลือเก็บกับเขาเหมือนกัน ส่วนข้อเสียคือ ชอบทำงานหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน ก็เลยทำอะไรไม่ค่อยจะประสบความสำเร็จนัก และก็ ไม่ชอบที่จะทำงานที่ต้องออกแรงเยอะอีกด้วย




27 พฤศจิกายน 2551

if we hold on together เพลงจากการ์ตูน ที่สามารถสอนใจผู้ใหญ่ได้(ถ้าใช้ใจฟัง)

การ์ตูนเด็กสอนอะไรผู้ใหญ่บ้าง...

หลังจากก้าวผ่านชีวิตอนุบาลมาได้พักใหญ่ๆ การ์ตูนดีๆที่เคยได้รับความนิยมชมชอบก็ดูเหมือนจะเลือนหายตามๆกันไป และหนึ่งในนั้นคงไม่พ้นเรื่อง THE LAND BEFORE TIME ซึ่งทำเกิดเพลงIF WE HOLD ON TOGETHER ของ DIANA ROSS ที่โด่งดังเป็นพลุแตกขึ้นมา

แต่จะมีสักกี่คนที่หลังจากผ่านช่วงเวลานั้นมาโดยหันย้อนรอยกลับไปมองว่าในความสนุกสนานของการ์ตูนเรื่องนี้ได้สอดแทรกเนื้อหาของชีวิตไว้มากมาย กตัญญู มิตรภาพ ความมุ่งมั่น การสูญเสีย ความเข้มแข็ง
และบุคลิกของตัวละครแต่ละตัวที่ดิฉันภูมิใจจะเรียกพวกเขาว่า"เด็กๆ"ที่แตกต่างกันออกไป
ตัวแรกคือ LITTLE FOOT ที่มีความกระตือรือร้น ซื่อสัตย์ และอภัยแก่เพื่อนในทุกสถานการณ์ด้วยความกตัญญู เสียสละจนสามารถพาเพื่อนๆไปยังดินแดนแห่งใหม่และพบปู่กับย่าในที่สุด


ต่อมาคือ CERA สาวน้อยผู้มีความหวานเจี๊ยบแต่ก้มีพลังความตั้งใจที่แข็งแกร่งจนบางครั้งอาจจะมองว่าดื้อรั้น เพราะความมั่นใจในตัวเองของเธอ


ลำดับต่อมา DUCKY อีกหนึ่งสาวที่มองโลกในแง่บวก รักเพื่อน รักครอบครัวเป็นผู้ตามเสมอ บ่อยครั้งที่เธอมักจะพูดคำว่า ใช่ ใช่ ใช่ และ ไม่ ไม่ ไม่


ลำดับต่อไป PETRIE ไดโนเสาร์มีปีก ที่มีแต่ความขลาดกลัวและวิตกกังวลแม้กระทั่งการบินที่เป็นควมสามารถเฉพาะตัวของตนเอง แต่เมื่อได้รับกำลังใจจาดเพื่อนๆก็สามารถทำทุกอย่างได้ตามต้องการ

ต่อไปคือ SPIKE ยักษ์ใหญ่ผู้สุภาพที่ไม่ค่อยมีความเห็นอะไรนัก มักจะเงียบและเป็นผู้ตามและผู้ช่วยที่ดีเสมอ

และสุดท้าย CHOMPER แม้ว่าจะเป็นหนึ่งในไดโนเสาร์พันธุ์ที่ดุร้ายที่สุด แต่เมื่อได้มาอยู่กับเพื่อนที่มีจิตใจดี CHOMPER จึงเป็นเพื่อนี่ดีของทุกๆคน


เรื่องราวของเด็กๆเหล่านี้สะท้อนให้เห็นนิสัยของคนที่อยู่บนสังคมนี้ผู้ที่ไม่สามารถเลือกเกิดได้แต่เลือกที่จะเป็นได้ ผู้ที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนกับวันข้างหน้าที่ไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้น แต่ด้วยมิตรภาพ ความกตัญญู และแรงผลักดันต่างๆจึงทำให้เด็กๆสามารถร่วมมือ รวมพลังกันฝ่าฟันอุปสรรคไปได้ด้วยดี

ในฐานะที่เราเป็นผู้ใหญ่ทำไมเราจึงไม่ย้อนกลับมาดูตัวเอง พัฒนา และแก้ไขปัญหาต่างๆภายใต้ความเข้มแข็ง กตัญญูและมิตรภาพ ดิฉันเชื่อว่าหากเราใส่ใจกับรายละเอียดเล็กๆน้อยๆเหล่านี้แล้วปัญหาใหญ่ๆระดับชุมชน สังคม และประเทศย่อมคลี่คลายได้อย่างแน่นอน

หากเราไม่เริ่มที่ตัวเรา แล้ววันข้างหน้าจะกล้าสอนลูกสอนหลานได้อย่างไร หากเรายังไม่พัฒนาตัวเอง เราจะพัฒนาบ้านเมืองได้อย่างไร อย่างไรก็แล้วแต่ การเปลี่ยนแปลงคนอื่นย่อมยากกว่าการเปลี่ยนแปลงตนเองแน่นอน เพราะฉะนั้นอย่ามองหาข้อบกพร่องของผู้อื่น จงปฏิบัติตนให้ดีที่สุด เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่เราอยากให้เกิดขึ้นเพื่อธำรงค์สังคมย่อมต้องเริ่มที่ตัวเรา


แล้วคุณคิดว่าคุณลักษณะนิสัยเหมือนเด็กๆคนไหนคะ????


23 พฤศจิกายน 2551

แล้วมาต่อกันที่ความเห็นของฝ่ายหญิงกันบ้าง...



สวัสดียามเย็นค่ะ


ตอนนี้ชาวไทยหลายๆคนก็คงกำลังใจจดใจจ่อรอดูผลอันเนื่องมาจาก


แผนการปฎิบัติงานของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย


ที่ใช้เวลาในการชุมนุมมาเป็นระยะเวลายาวนานกว่า ๖ เดือน


พ่อแม่พี่น้องจากทั่วทุกสารทิศที่แห่แหนกันมา


แสดงเจตนารมณ์อันแข็งแกร่ง


และมีจุดยืนบนจุดเดียวกันคือ "ประชาธิปไตย"


แต่คงจะดีกว่านี้ถ้าการชุมนุม ไม่มีการนองเลือดหรือความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินใดๆเกิดขึ้น


.............


แม้ว่าเหตุการณ์ทางการเมืองจะรุนแรงมากขึ้นเพียงใด


สิ่งที่ควรตระหนักถึงเป็นสำคัญ


คือ สิทธิ และ หน้าที่


สิทธิ หมายถึงอำนาจหรือประโยชน์ที่กฎหมายให้ความคุ้มครอง


แต่ในบางครั้งเราอาจคำนึงแต่สิทธิของเรามากเกินไป


มากเกินกว่าที่จะทันมองเห็นสิทธิของผู้อื่นที่มีเท่าเทียมกับเรา


จึงเกิดเหตุการณ์ล่วงละเมิดสิทธินับร้อยนับพันครั้ง


แต่ก็ยังไร้วี่แววแห่งการพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น


หน้าที่ หมายถึงสิ่งที่ทุกคนจำเป็นต้องกระทำ และแต่ละคนอาจมีหน้าที่ที่ไม่เหมือนกัน


เป็นที่หน้าแปลกว่าทำไมคนเราถึงคำนึงแต่สิทธิ มากกว่าหน้าที่


ทั้งๆที่เป็นสิ่งที่มีบทกำหนดชัดเจนอยู่แล้วว่าจะต้องปฏิบัติ


อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


หากคนไทยทุกคน รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์


หากมีข้อผิดพลาดขึ้นจงมองที่ตนเองก่อนโทษผู้อื่น


เพราะทุกครั้งที่เราชี้นิ้วกล่าวหาผู้อื่น


๑ นิ้วชี้คือนิ้วที่ชี้โทษเขา


แต่อีก ๔ นิ้วที่กำอยู่ในมือมันหันกลับมาทางตัวเรา


นั่นแสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอาจจะอยากให้เรา


มองดูตัวเองก่อนที่จะโทษคนอื่น


....


นั่นแสดงว่าทุกๆอย่างอยู่ตัวเรา


ประชาธิปไตย การเมืองที่ใสสะอาด


อยู่ที่ว่าอีกสี่นิ้วที่เหลือเราชี้ใคร...







ยวน-ย่า-เหล






22 พฤศจิกายน 2551

การเมืองวันนี้...ในมุมมองเด็กๆ




เรียนท่านผู้มีอุปการะคุณทุกท่าน...

วันนี้ผมได้รับมอบหมายภาระสำคัญในการอัพบล๊อกครับ

การเมืองยุคหม้อข้าวหม้อแกงนี้ทำให้ผมมองอะไรๆออกเป็นหลายแง่มุมมากยิ่งขึ้น
เหตุผลสองประการที่ทำให้ผมมองโลกปัจจุบันได้ชัดเจนมากกว่าสมัยหน่อมแน๊ม

ประการแรกคงเป็นเพราะว่า ด้วยอายุที่มากขึ้นทุกๆวันของผมและเพื่อน ทำให้ผมตระหนักถึง
ความสำคัญของปัญหาการเมืองมากยิ่งขึ้น เพราะรู้สึกเมื่อก้าวสู่รั้วมหาวิทยาลัยแล้ว
พวกผมเลิกทะเลาะกันเรื่องของเล่น แต่ว่ามานั่ง

คำนึงถึงเรื่องปากท้องของตัวเองและครอบครัวในอนาคตเมื่อก้าวผ่านรั้วมหา'ลัย
มากขึ้น


ประการต่อมาก็อาจเป็นเพราะว่าการเมืองที่ถูกปฏิรูปครั้งแล้วครั้งเล่าจนทำให้ทุกอย่างดูเป็นเรื่องสับสนซับซ้อน
จนข่าวทุกช่องและสิ่งแวดล้อมรอบตัวมีแต่ประเด็นทางการเมืองชวนให้ทุกคนแม้กระทั่งผมต้องคิดตาม

คำว่าการเมืองยุคหม้อข้าวหม้อแกง...โดยนัยยะของผมมีความหมายดังนี้

การเมืองปัจจุบันบอกผมว่า ทำไมผู้ใหญ่ถึงยังมาเล่นเป็นเด็กๆขายของกันแบบนี้
อาจเป็นเพราะตอนเข้าอนุบาลสอบเข้าโรงเรียนไม่ติด...ก็ต้องใช้เส้นสายจนได้เรียนในโรงเรียนที่มีชื่อเสียง
จนกลายเป็นนิสัยที่ติดตัวมาจนเป็นผู้ใหญ่...เมื่อชื่อเสียง เงินทอง เข้ามามีบทบาทในชีวิตมากยิ่งขึ้น
กิเลสที่มีชื่อว่าความโลภเข้ามาครอบงำซ้ำอีก
..อยากเป็นใหญ่ อยากมีบทบาทบนเวทีโลก
เวทีสำคัญที่สามารถโชว์ออฟได้อย่างเต็มที่ คงหนีไม่พ้น...เวทีการเมือง คำว่าเล่นละครเวที เล่นลิเก เล่นดนตรี
ทุกอย่างก็อยู่บนเวทีทั้งนั้น แต่เป็นการให้ความสุขแก่มวลชน

แต่เวทีการเมืองนั้น...เป็นการเล่นบนชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน
ผมจึงอยากรู้ว่าถ้าเราสามารถเล่นการเมืองได้แบบเล่นหม้อข้าวหม้อแกง ใช้ใบไม้แทนเงินภาษีของราษฎร เวลามีปัญหาก็หนีเข้าบ้าน
นอนหลับ วันรุ่งขึ้นก็ออกมาเล่นกันใหม่แบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น
บ้านเมืองจะอยู่ในสภาพใด...แต่ยังโชคดี...ที่บ้านเมืองมีขื่อมีแป มีกฏหมาย(ถึงแม้จะไร้บทลงโทษที่แน่นอน) เราจึงสามารถมีชีวิตรอดไปวันๆแบบนี้ได้
เราอาจสรุปไม่ได้ถึงต้นตอที่ทำให้การเมืองเป็นแบบนี้เพราะใคร เพราะเราไม่รู้ว่าใครผิด ใครถูก เราไม่รู้ว่าเบื้องหลังมีความเป็นมายังไง...แต่การทำหน้าที่คนไทยอย่างสมบูรณ์ ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งอย่างโปร่งใส ไม่คอรัปชั่น(เป็นสิ่งที่ต้องปลูกฝังตั้งแต่ระดับครอบครัว) รับผิดชอบต่อหน้าที่ของคนไทยที่ทุกคนพูดถึงทุกวัน แต่ไม่มีใครเข้าถึงได้อย่างถ่องแท้ สิ่งที่เรียกร้องกันอยู่คือประชาธิปไตย...ที่อยู่ในมือของทุกคนแล้ว เพียงแต่เราไม่เคยเหลือบไปเห็น ถ้าทุกคนหันกลับมามองสิ่งใกล้ตัวตั้งแต่ผู้ที่(คิดว่าตัวเอง)ใหญ่โตค้ำฟ้า จนถึงคนระดับรากหญ้า...ประเทศชาติต้องสมบูรณ์แน่นอน...



ทำไมเราไม่ซื้อเสียงโดยนโยบาย
ทำไมเราไม่ขายเสียงเพื่อประเทศชาติ
ทำไมเราไม่พร้อมใจกันทำแต่สิ่งดีงาม
...เงินทองเพียงพอแล้วหรือ สำหรับขวานทองขวานไทยของเรา




หากมีเงิน แต่สิ้นชาติ ก็สิ้นชีพ
เราจงรีบ แก้ไข ตามวิธี
บนครรลอง ครองทำ ถูกวิธี
จงทำดี เพื่อพ่อ ขอพอเพียง


by...1007 198

20 พฤศจิกายน 2551

สัมภาษณ์แนวคิดของผู้มีประสบการณ์ทางการเมืองต่อสังคมไทยในปัจจุบัน...ที่เราทุกคนควรเรียนรู้และวิเคราะห์!!!!

นายโสภณ เพชรสว่าง
ประธานกลุ่มพิทักษ์เมืองบุรีรัมย์
อดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย จ.บุรีรัมย์








ส.ส.สามารถ แก้วมีชัย
รองประธานสภาคนที่ ๑
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดเชียงราย เขต ๑







ดร.พีรพันธุ์ พาลุสุข

สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดยโสธร








ผศ.ดร.ผุสดี ตามไท
กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสัดส่วน กลุ่ม๖

อดีตที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร







รศ.ประณต นันทิยะกุล
ประธานชมรมสมาชิกสภาคณาจารย์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย









ร่วมวิเคราะห์และติดตามแนวคิดของผู้ที่มีประสบการณ์ทางการเมืองต่อสภาพการเมืองไทยในปัจจุบันเหล่านี้ได้
ที่นี่
เร็วๆนี้
หมึกซึม

ประชาธิปไตย

ถึงมิตรรักแฟนเพลงทุกท่าน...

จากวันวานที่ผ่านพ้นโลกใบหม่นๆใบนี้กลับถูกเติมแต่งมากยิ่งขึ้นด้วยมลพิษต่างๆนานา
หลายครั้งหลายคราที่พลังมวลชนสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆนานาได้สำเร็จ


วันนี้ก้อนกรวดน้อยๆเม็ดนี้ขอแสดงความเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแกร่งแต่ไม่แข็งกร้าว อ่อนน้อมแต่ไม่อ่อนแอ ที่จะนำเสนอแนวคิดในมุมมองของตนเองบ้าง

จากการเมืองที่ไม่ถึงกับเขียวขจีสักเท่าไรนักในอดีตต้องมาเป็นการเมืองยุคแตกระแหง ประชาชนแบ่งพรรคแบ่งฝ่าย มีใครเคยถามตัวเองบ้างว่า “นี่ใช่วัตถุประสงค์ของการเมืองหรือไม่”

จากการศึกษาวิชาสปช.ในระดับประถม วิชาสังคมในระดับมัธยม กับสถานการณ์ในปัจจุบันที่ค่อนข้างไม่สอดคล้องกันบอกกรวดน้อยว่า

สปช.---นักเรียนต้องชวนพ่อแม่ไปเลือกตั้งนะคะ...อย่านอนหลับทับสิทธิ์ อย่าขายเสียง คำขวัญต่างๆนานาที่ประโคมโหมแห่ติดตามเสาไฟฟ้า ใบปลิวตามหน้าบ้าน สะท้อนถึงเบื้องลึกจิตใจใครกันบ้าง
สังคม.---นักเรียนคะประเทศไทยเป็นประเทศที่มีการปกครองระบอบประชาธิปไตย...มีพระมหากษัตริย์ดำรงตำแหน่งประมุขและทรงเป็นจอมทัพไทย....แต่คำว่าประชาธิปไตยที่ใสสะอาดล่ะ เคยเรียนรู้กันบ้างหรือไม่

วันนี้มีบุคคลผู้หนึ่งได้จุดประกายไอเดียแก่กรวดน้อยว่า...คุณต้องรู้จักวิเคราะห์การเมืองบนจุดยืนของตนเอง....และเน้นย้ำว่า...คุณอย่าลืมจุดยืนของตัวเองนะ???เป็นเสียงเบาๆกับดวงตาที่แฝงไปด้วยความหวังที่ฝากไว้กับพลังใหม่ดวงนี้...ที่ทำให้ทันฉุกคิดว่า ใช่ซี๊...เกิดมาทั้งทีลองกันซักหน...

คำว่าวิเคราะห์ กับคำว่าการเมือง เมื่อนำมารวมกันแล้วบอกได้คำเดียวว่ายังไม่ลึกซึ้งถึงความหมายใดๆทั้งสิ้น แต่จากWebblogนี้ ก็ปรารถนาเป็นอย่างสูงสุดว่าจะได้รับแง่มุมจากหลายๆคน หลายๆสาขาอาชีพ หลายๆวัย เพื่อมาประสิทธิ์ประสาทสมองน้อยๆนี้ ให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ


***พบกันใหม่วันพรุ่งนี้ 5 โมงเย็นนะคะ***








สระ-ลาน-ลม

19 พฤศจิกายน 2551

สมชาย เตรียมหารือรัฐมนตรีสู้คดี ป.ป.ช.กรณีเขาพระวิหาร

ดอนเมือง 19 พ.ย.-นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ (19 พ.ย.) นายธีระชัย แสนแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้สอบถามนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับแนวทางการชี้แจงข้อกล่าวหาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) ของรัฐมนตรี 28 คน สมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ข้อหากระทำความผิดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190 และข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่กรณีออกมติ ครม. วันที่ 17 มิถุนายน 2551 สนับสนุนกัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกโดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา ซึ่งนายกรัฐมนตรีบอกว่า เรื่องดังกล่าวจะมีการพูดคุยกันนอกรอบระหว่างรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง แต่ไม่ได้ระบุระยะเวลา
***การแสดงความคิดเห็นเป็นการแสดงทัศนคติส่วนบุคคลและบุคคลอาจมีความเห็นที่แตกต่างกันออกไปกรุณาแสดงความคิดเห็นด้วยความสุภาพ***
อัพเดตเมื่อ 2008-11-19 18:04:02
ข้อมูลจาก http://news.mcot.net/politic

18 พฤศจิกายน 2551

พันธมิตรฯ แนะ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม


พันธมิตรฯ เรียกร้อง “พ.ต.ท.ทักษิณ” กลับมาต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม ยุติการปลุกระดมมวลชน เชื่อทำให้เกิดความแตกแยก เตือนอย่าหลงเชื่อบริวารใกล้ชิด ย้ำจุดยืนคัดค้านแก้ รธน. ชี้ไม่ใช่ทางออกของปัญหา
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ยื่นอุทธรณ์ในคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินรัชดาฯ ซึ่งจะครบกำหนดในวันพรุ่งนี้ (19 พ.ย.) ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คงไม่มีพยานหลักฐานใหม่ที่จะโน้มน้าวให้เปลี่ยนแปลงคำพิพากษา จึงเลือกใช้วิธีโฟนอินผ่านรายการความจริงวันนี้ เพื่อปลุกระดม และแก้ข้อกล่าวหาให้กับตนเอง ซึ่งเป็นวิธีที่จงใจละเมิดอำนาจศาลอย่างชัดเจน ทั้งนี้ ต้องการเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม เพราะวิธีดังกล่าวจะยิ่งทำให้เกิดความแตกแยก
“อยากเตือน พ.ต.ท.ทักษิณ อย่าหลงเชื่อบริวารมากเกินไป เพราะที่ผ่านมาเป็นข้อพิสูจน์แล้วว่าชีวิตที่ลุ่ม ๆ ดอน ๆ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ รวมทั้งครอบครัวเดือดร้อน เป็นเพราะบริวารเป็นพิษ ดังนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ควรตั้งสติ อย่าตกเป็นเครื่องมือของบริวาร” นายสุริยะใส กล่าว
นายสุริยะใส ยังยืนยันว่า กลุ่มพันธมิตรฯ มีจุดยืนคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และเชื่อว่ารัฐบาลรู้ถึงจุดนี้ การยืนยันที่จะเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ เชื่อว่าจะทำให้เกิดความขัดแย้ง นำไปสู่เหตุการณ์รุนแรง ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลจงใจทำให้เกิดขึ้น ดังนั้น การแก้ไขรัฐธรรมนูญจึงไม่ใช่ทางออก.



***การแสดงความคิดเห็นเป็นการแสดงทัศนคติส่วนบุคคล
และบุคคลอาจมีความเห็นที่แตกต่างกันออกไป
กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วยความสุภาพ***







อัพเดตเมื่อ 2008-11-18 21:49:14
ข้อมูลจาก http://news.mcot.net/politic/

17 พฤศจิกายน 2551

...

คุณคิดว่า...ภาพเหล่านี้
ส่งผลอย่างไรกับการเมืองการปกครองของไทย











***การแสดงความคิดเห็นเป็นการแสดงทัศนคติส่วนบุคคล

และบุคคลอาจมีความเห็นที่แตกต่างกันออกไป

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วยความสุภาพ***








<a href=http://thaicursor.blogspot.com getcode" style="position:absolute; left:0px; top: 0px; z-index:9;" border="0" />